วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ลิโอเนล เมสซี่ Lionel Messi

ลิโอเนล เมสซี่ Lionel Messi





ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ : ลิโอเนล เมสซี่ Lionel Messi
วันเกิด : 24 มิถุนายน พ.ศ. 2530
เกิดที่ : โรซารีโอ อาร์เจนตินา
สูง : 1.69 เมตร (6 ft)
ตำแหน่ง : กองหน้า / ปีก
ข้อมูลการค้าแข้ง
สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลนา

หมายเลขเสื้อ : 10


ประวัติ : ลิโอเนล เมสซี่

         ลีโอเนล เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันเล่นอยู่ในสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและทีมชาติอาร์เจนตินา ในตำแหน่งกองหน้าหรือปีก เขายังถือสัญชาติสเปนอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลยุโรป เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคนี้         เมสซี ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีเมื่อเขาอายุ 21 ปี และได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2009 (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ค.ศ. 2009) และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010 และ 2011 โดยเมสซี่ยังถูกเปรียบเทียบถึงสไตล์การเล่นของเขาและความสามารถว่าเหมือนเดียโก มาราโดน่า ซึ่ง มาราโน่าเองก็ยกย่องเมสซี่ว่าเป็นสุดยอดผู้เล่นและจะเป็นตำนานเหมือนกับเขา

           เมสซีเป็นหนึ่งในนักเตะของบาร์ซ่าที่คว้าแชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง ยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 แต่เมสซี่พลาดการลงสนามในนัดที่บาร์เซโลน่าชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006 แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้เล่นในการแข่งขัน และฤดูกาล 2010–11 ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก เมสซีถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้สูงสุดอันดับ 3 รองจากเกิร์ด มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง แต่อย่างไรก็ตามเมสซี่เป็นนักเตะคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก 3 ปีติดต่อกัน หลังจากที่รายการนี้เปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992           เมสซี่ ลงแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 ขณะที่อายุได้ 16 ปี 145 วัน ในนัดกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลปอร์ตู ต่อมาไม่ถึงปี ฟรังก์ ไรการ์ด (Frank Rijkaard) ให้เขาลงแข่งในลาลีกาครั้งแรกในนัดเจอกับ เอสปาญอล เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (ขณะอายุ 17 ปี 114 วัน) ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า และเป็นผู้เล่นสโมสรที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในลาลีกา แต่ต่อมาสถิตินี้ถูกทำลายโดยเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลนา โบยาน เกอร์กิช และเมื่อเขาทำประตูแรกในทีมชุดใหญ่ให้กับสโมสรที่แข่งกับอัลบาเซเตบาลอมเปีย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 ขณะที่เมสซีอายุ 17 ปี 10 เดือน 17 วัน ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลาลีกา ให้กับทีมบาร์เซโลน่า แต่สถิติก็ถูกทำลายอีกครั้งโดยโบยาน เกอร์กิชในปี ค.ศ. 2007 ที่ยิงประตูจากการจ่ายของเมสซี และเมสซียังได้กล่าวเกี่ยวกับอดีตโค้ชของเขาฟรังก์ ไรการ์ดว่า “ผมจะไม่มีวันลืมความจริงที่ผมได้เริ่มต้นอาชีพของผมนี้ ว่าเขาได้สร้างความเชื่อมั่นในตัวผม ขณะที่ผมอายุเพียง 16 ย่าง17 ปีเท่านั้น”          

แต่ในระดับทีมชาตินั้น เมสซี่ ยังคงไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งยังคงไม่ได้แชมป์โลกในยุคที่มีเมสซี่ แต่เมสซี่อายุถือว่ายังไม่มากนัก และยังมีโอกาศที่จะคว้าเกียรติยศอันสูงสุดนี้มาครองได้อีกหลายปี          

         เมสซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาก็ค้นพบความเก่งกาจของเขาอย่างรวดเร็ว โดยเมสซี่ออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000 ที่เขาฝึกฝนฟุตบอลอยู่ และย้ายไปอยู่ยุโรปพร้อมครอบครัว แต่เมสซี่ซึ่งมีโรคขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตติดตัวมา และทางบาร์เซโลน่าก็เสนอในการรักษาโรคนี้ให้กับเมสซี โดยเมสซี่ลงเตะให้กับบาร์ซ่าครั้งแรกในฤดูกาล 2004-–05 และทำลายสถิติของทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีกได้ ฤดูกาลแจ้งเกิดของเมสซี่คือฤดูกาล 2006-07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว และทำแฮตทริกได้ในศึกเอลกลาซีโก พอจบฤดูกาลเมสซี่ยิงประตูรวม 14 ประตู 26 เกมในลีก จากนั้นเมสซี่ก็ประสบความสำเร็จในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008-09 เขายิงประตู 38 ประตู เป็นนักเตะสำคัญของทีมในการเก็บชัยชนะ 3 รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกทำลายไปในฤดูกาลถัดมา เมสซี่ฟอร์มร้อนแรงยิ่งขึ้น ในฤดูกาล 2009-10 เขายิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน เทียบเท่าสถิติของโรนัลโด้(บราซิล)ที่เคยทำให้กับบาร์เซโลน่า แต่เมสซี่ก็มาทำลายสถิติของตัวเองอีกครั้งในฤดูกาล 2010-11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน          

         เมสซีเป็นหนึ่งในนักเตะของบาร์ซ่าที่คว้าแชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง ยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 แต่เมสซี่พลาดการลงสนามในนัดที่บาร์เซโลน่าชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006 แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้เล่นในการแข่งขัน และฤดูกาล 2010–11 ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก เมสซีถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้สูงสุดอันดับ 3 รองจากเกิร์ด มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง แต่อย่างไรก็ตามเมสซี่เป็นนักเตะคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก 3 ปีติดต่อกัน หลังจากที่รายการนี้เปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992           

        เมสซี่ ลงแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 ขณะที่อายุได้ 16 ปี 145 วัน ในนัดกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลปอร์ตู ต่อมาไม่ถึงปี ฟรังก์ ไรการ์ด (Frank Rijkaard) ให้เขาลงแข่งในลาลีกาครั้งแรกในนัดเจอกับ เอสปาญอล เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (ขณะอายุ 17 ปี 114 วัน) ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า และเป็นผู้เล่นสโมสรที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในลาลีกา แต่ต่อมาสถิตินี้ถูกทำลายโดยเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลนา โบยาน เกอร์กิช และเมื่อเขาทำประตูแรกในทีมชุดใหญ่ให้กับสโมสรที่แข่งกับอัลบาเซเตบาลอมเปีย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 ขณะที่เมสซีอายุ 17 ปี 10 เดือน 17 วัน ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลาลีกา ให้กับทีมบาร์เซโลน่า แต่สถิติก็ถูกทำลายอีกครั้งโดยโบยาน เกอร์กิชในปี ค.ศ. 2007 ที่ยิงประตูจากการจ่ายของเมสซี และเมสซียังได้กล่าวเกี่ยวกับอดีตโค้ชของเขาฟรังก์ ไรการ์ดว่า “ผมจะไม่มีวันลืมความจริงที่ผมได้เริ่มต้นอาชีพของผมนี้ ว่าเขาได้สร้างความเชื่อมั่นในตัวผม ขณะที่ผมอายุเพียง 16 ย่าง17 ปีเท่านั้น”          

           แต่ในระดับทีมชาตินั้น เมสซี่ ยังคงไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งยังคงไม่ได้แชมป์โลกในยุคที่มีเมสซี่ แต่เมสซี่อายุถือว่ายังไม่มากนัก และยังมีโอกาศที่จะคว้าเกียรติยศอันสูงสุดนี้มาครองได้อีกหลายปี          

         เมสซี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาก็ค้นพบความเก่งกาจของเขาอย่างรวดเร็ว โดยเมสซี่ออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000 ที่เขาฝึกฝนฟุตบอลอยู่ และย้ายไปอยู่ยุโรปพร้อมครอบครัว แต่เมสซี่ซึ่งมีโรคขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตติดตัวมา และทางบาร์เซโลน่าก็เสนอในการรักษาโรคนี้ให้กับเมสซี โดยเมสซี่ลงเตะให้กับบาร์ซ่าครั้งแรกในฤดูกาล 2004-–05 และทำลายสถิติของทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีกได้ ฤดูกาลแจ้งเกิดของเมสซี่คือฤดูกาล 2006-07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว และทำแฮตทริกได้ในศึกเอลกลาซีโก พอจบฤดูกาลเมสซี่ยิงประตูรวม 14 ประตู 26 เกมในลีก จากนั้นเมสซี่ก็ประสบความสำเร็จในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008-09 เขายิงประตู 38 ประตู เป็นนักเตะสำคัญของทีมในการเก็บชัยชนะ 3 รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกทำลายไปในฤดูกาลถัดมา เมสซี่ฟอร์มร้อนแรงยิ่งขึ้น ในฤดูกาล 2009-10 เขายิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน เทียบเท่าสถิติของโรนัลโด้(บราซิล)ที่เคยทำให้กับบาร์เซโลน่า แต่เมสซี่ก็มาทำลายสถิติของตัวเองอีกครั้งในฤดูกาล 2010-11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน


สถิติ : ลีโอเนล เมสซี่่

แชมป์ที่ได้กับบาร์เซโลนา
ลาลีกา: 5
2004–05, 2005–06, 2008–09, 2009–10, 2010–11
โกปาเดลเรย์: 1
2008–09
ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา: 4
2005, 2006, 2009, 2010
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 3
2005–06, 2008–09, 2010–11
ยูฟ่าซูเปอร์คัป: 2
2009, 2011
ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัป: 2
2009, 2011
แชมป์ที่ได้อาร์เจนติน่า
ฟุตบอลโลกอายุไม่เกิน 20 ปี: 1
2005
เหรียญทองโอลิมปิก: 1
2008


แหล่งข้อมูลที่มาจาก https://th.wikipedia.org/wiki/

ฆวน มาต้า Juan Mata


      
                        ฆวน มาต้า  Juan Mata




 



  • ชื่อ : ฆวน มาต้า
  • สัญชาติ : สเปน
  • วันเกิด : 28 เมษายน 1988
  • สถานที่เกิด : บูร์โกส, ประเทศสเปน
  • ส่วนสูง : 170
  • น้ำหนัก : 63
  • ตำแหน่ง : กองกลาง
  • ลงเล่น : 37 นัด
  • ยิงประตู : 12 ประตู
  • เท้าที่ถนัด : เท้าซ้าย
  • ย้ายร่วมทีม : 24 มกราคม 2014
  • นัดแรก : 28 มกราคม 2014 (พบ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้)





  • ประวัติส่วนตัว ฆวน มานูเอล มาต้า
           ฮวน มานูเอล มาต้า การ์เซีย หรือชื่อ ฆวน มาต้า ที่คุ้นเคย เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1988 ปัจจุบันโยกมาค้าแข้งกับสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด และเป็นผู้เล่นทีมชาติสเปน ตำแหน่งถนัดของแข้งร่างเล็กก็คือกองกลางตัวรุก แต่เจ้าตัวสามารถโยกไปเล่นริมเส้นได้ในบางครั้ง ทั้งนี้มาต้า เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับเรอัล โอเบียโด ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา


          


             เมื่ออายุ 15 ปี เขาเซ็นสัญญากับเรอัล มาดริด และเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทีมเรอัล มาดริด เบ ซึ่งระหว่างฤดูกาล 2006-07 กองกลางจอมเทคนิคสามารถกดไปถึง 10 ประตู ถึงเขาจะทำผลงานได้โดดเด่นในทีมเบ ทว่า มาต้า ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ แบรนด์ ชูสเตอร์ ที่เป็นเฮดโค้ชเรอัล มาดริด ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมคู่แข่งในลา ลีกาอย่างบาเลนเซียในปี 2007-2008
           มาต้า เป็นแกนหลักของทีมในทันที ซึ่งจอมทัพฉบับกระเป๋า ได้ลงสนามต่อเนื่องรวม 24 นัดในลีกฤดูกาลแรก ทำได้ 5 ประตู รวมถึง 2 ประตูในรอบตัดเชือกศึกโคปา เดล เรย์ ที่เอาชนะบาร์เซโลน่า และนัดชิงฯ ซึ่งช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ด้วยการอัดเกตาเฟ่ 3-1 นอกจากนี้ เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร อีกทั้ง มาต้ายังได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกที่เสมอเชลซี 0-0


           

            ในเดือนธันวาคม 2007 ฤดูกาลถัดมา เขาลงเล่นเกือบทุกเกม พลาดเกมในลีกไปเพียงนัดเดียว ทำเพิ่มได้อีก 10 ประตู และถูกเรียกติดทีมชาติสเปน ในเดือนมีนาคม 2009 และผลงานในการสร้างสรรค์ประตูในฤดูกาลต่อมา ทำให้เขาได้อยู่ในทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลกปี 2010 ด้วย ซึ่งเขาได้ลงสนามนัดเดียว เป็นตัวสำรองแทนที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส
          
            เพลย์เมคเกอร์ร่างเล็กลงสนามอีก 33 นัดในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับบาเลนเซีย ท่ามกลางข่าวลือเรื่องการย้ายทีมไปเล่นในต่างแดน สุดท้ายเขาเลือกย้ายมาเล่นในลอนดอนตะวันตก หลังทำผลงานได้น่าประทับใจในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปยู 21 ที่เดนมาร์ก เขาเป็นกัปตันของสเปนและพาทีมคว้าแชมป์ รวมถึงได้โหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนท์นี้ 
           
            มาต้า ตัดสินใจย้ายทีมมาหาความท้าทายใหม่ๆ หลังเล่นในถิ่นเมสตาย่า 4 ปี เขายิงไป 43 ประตูจาก 179 เกม ซึ่ง มาต้า ได้พูดคุยกับ อังเดร วิลลาส โบอาส เทรนเนอร์เชลซี ในช่วงเวลาดังกล่าว และเชื่อว่าสแตมฟอร์ด บริดจ์คือสถานที่ที่เหมาะกับเขา แม้ว่าจะได้รับความสนใจจากสโมสรอื่นก็ตาม
           
            มาต้า เป็นผู้เล่นชาวสเปนคนที่ 3 ที่ย้ายมาร่วมทีมเชลซีในปี 2011 ต่อจากเพื่อนร่วมทีมชาติที่คว้าแชมป์โลกมาด้วยกันอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และ โอริโอล โรเมอู ที่ย้ายมาจากบาร์เซโลน่าเมื่อต้นเดือนสิงหาคมปี 2011 เดิมทีเขาเล่นเป็นปีกซ้าย ต่อมาเขาขยับมาเล่นตรงกลาง และตั้งเป้าไว้ว่าจะปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษอย่างรวดเร็ว ยอสซี่ เบนายูน ที่กำลังจะย้ายออกไปเล่นให้อาร์เซน่อลแบบยืมตัว ยกเสื้อหมายเลข 10 ให้กับเขา



            

               วันที่ 21 สิงหาคม 2011 บาเลนเซีย แถลงการณ์ปล่อย มาต้า ออกไปอยู่กับเชลซี ด้วยค่าตัว 23.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1292 ล้านบาท) มิดฟิลด์เลือดกระทิงดุ เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจ พร้อมกับลงเป็นตัวสำรองในเกมกับนอริช ซิตี้ และทำประตูปิดกล่องในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ "สิงห์บลูส์" ชนะ 3-1
           วันที่ 29 ตุลาคม 2011 มาต้า ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู ซึ่งเป็นการฉลองประตูที่ 6 พันของสโมสรพอดี ทั้งนี้ในยุคของ โบอาส ด้าน มาต้า จะหนักไปทางเล่นริมเส้นซะเยอะ กระทั่งการเข้ามาของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ในช่วงต้นปี 2012 ส่งผลให้ ดาวเตะสแปนิช หุบเข้ามาเล่นตรงกลางมากขึ้น


                

             จากนั้นผลงานของ มาต้า ก็ทะยานขึ้นแบบหยุดไม่อยู่ และพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 2 รายการคือเอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2012 โดยในนัดชิงชนะเลิศถ้วยยุโรป เขาเป็นคนทำแอสซิสต์ให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา โขกตีเสมอบาเยิร์น มิวนิค ในนาทีที่ 88 จากลูกเตะมุม สุดท้ายเชลซีก็คว้าแชมป์ไปครองด้วยการดวลจุดโทษ จากผลงานอันยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้รับการโหวตจากแฟนๆ ให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรด้วย
           
            ฤดูกาล 2012-13 มาต้า ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้เชลซีจะตกรอบแบ่งกลุ่มในแชมเปี้ยนส์ ลีก พลาดโอกาสป้องกันแชมป์ แต่พวกเขาก็ยังสามารถคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก มาครองได้ และมาต้าก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปครองอีกครั้งด้วย ถือว่าเป็นการได้รางวัลนี้ 2 ปีติดต่อกันเลยทีเดียว


            ซีซั่น 2013-14 เชลซีได้กุนซือใหม่หน้าเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาทำทีมอีกครั้ง และหวยก็มาตกอยู่ที่ มาต้า ซึ่งไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ "เดอะ แฮปปี้วัน" อย่างหน้าตาเฉย ทำให้โอกาสลงสนามของเจ้าก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ  และด้วยความที่เขาต้องนั่งสำรองอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมออกมาตลอด จนกระทั่งวันที่ 24 มกราคม 2014 มูรินโญ่ก็ได้ออกมาบอกด้วยตัวเองว่าเชลซีตอบรับข้อเสนอขอซื้อตัวมาต้าจากทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 37.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2040.5 ล้านปอนด์) พร้อมกับทำลายสถิติค่าตัวสูงสุดของสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด อีกด้วย หลังจาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ เคยสร้างสถิติสโมสรไว้ที่ 29.1 ล้านปอนด์ (1600.5 ล้านบาท) ไว้เมื่อปี 2003 


    ที่มา www.sutheetom0102.wordpress.com

    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ Cristiano Ronaldo

         


        คริสเตียโน่ โรนัลโด้  Cristiano Ronaldo










    ข้อมูลส่วนตัว ronaldo

    ชื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้   ชื่อภาษาอังกฤษ  :  Cristiano Ronaldo  ชื่อเต็มภาษาโปรตุเกส : กริชเตียนู รูนัลดู ดูช ซังตูช อาไวรู  Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiroวันเกิด : 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985สถานที่เกิด : ฟุงชาล, มาเดรา ประเทศโปรตุเกสส่วนสูง : 185 ซ.ม. (6 ฟุต 1 นิ้ว)ตำแหน่ง : ปีก, กองหน้า


    ข้อมูลสโมสร

    สโมสรปัจจุบัน : เรอัล มาดริดสโมสรเยาวชน : Andorinha,CD Nacional,Sporting CPสโมสรอาชีพปี 1999-2003 สปอร์ติง ลิสบอน 25 ยิงได้ 3 ประตูปี 2003-2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 196 ยิงได้ 84 ประตูปี 2009-ปัจจุบัน เรอัล มาดริด



    ประวัติ : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ Cristiano Ronaldo

                   คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีชื่อเต็มซึ่งอ่านเป็นภาษาโปรตุเกสว่า กริชเตียนู รูนัลดู ดูช ซังตูช อาไวรู (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส โดยปัจจุบันสังกัดสโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด สวมเสื้อหมายเลข 9 และย้ายไปด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก คือ 80 ล้านปอนด์ แต่ปัจจุบันโรนัลโด้ ได้เปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 7 ตามความประสงค์ของตัวเขาที่เคยสวมเสื้อหมายเลข 7 ขณะอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
    คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์
    โดยที่มาของชื่อโรนัลโด้นั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ นายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโด้ชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่
    ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟาลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโด้เริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ ทีม Andorinha โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโด้ย้ายไปอยู่กับทีม Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล
    เมื่ออายุ 12 ปี โรนัลโด้ได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ ๆ ของโปรตุเกสมากมาย โรนัลโด้เลือกค้าแข้งกับสปอร์ติง ลิสบอน ทีมโปรดของตัวเอง จนอายุ 17 ปี โรนัลโด้ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของสปอร์ติงเป็นครั้งแรก แล้วก้าวไปติดทีมชาติโปรตุเกสชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีในศึกชิงแชมป์ยุโรป
    โรนัลโด้ มีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้สนใจที่จะนำโรนัลโด้ มาร่วมทีม และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้คว้าตัวโรนัลโด้ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2003-2004 โรนัลโด้ใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับมิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04


    ชีวิตส่วนตัว

             พ่อของโรนัลโดเป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ชื่ออังดูริญญา และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อฟือร์เนา โซซา (Fernão de Sousa) เป็นพ่อทูนหัว ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโดช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่เกาะมาเดรา ส่วนพี่สาวอีกคน กาเตีย เป็นนักร้อง มีวงดนตรีชื่อ "Ronalda"โรนัลโดประกาศว่าเขาได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 โดยประกาศในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา โดยพูดว่า เขาได้ลูกชายและต้องการความเป็นส่วนตัว โดยลูกชายของเขาชื่อว่าคริสเตียโน โรนัลโดย จูเนียร์ ที่กำเนิดมาจากหญิงนิรนาม โดยเขาได้รับสิทธิในการดูแลเด็กอย่างสมบูรณ์ ภายใต้การดูแลจากแม่ของโรนัลโดและพี่สาวนอกจากนี้แล้ว โรนัลโดยังได้รับคำชื่นชมจากอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ นักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ของฮอลลีวุด ซึ่งเป็นอดีตสุดยอดนักเพาะกายโลก 7 สมัย ว่า เป็นนักฟุตบอลที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย


    เกียรติยศร่วมกับสโมสร

    แชมป์ เอฟเอ คัพ ปี 2004
    แชมป์ คาร์ลิ่ง ลีก คัพ ปี 2006
    แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2006 – 2007
    แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2007 – 2008
    แชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ปี 2008
    แชมป์ สโมสรโลก ปี 2008
    แชมป์ คาร์ลิ่ง ลีก คัพ ปี 2009
    แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2008 – 2009


    เกียรติยศเฉพาะตัว

    นักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมของโปรตุเกส ปี 2002
    รองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2004
    หนึ่งในสมาชิกทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า ประจำปี 2004
    ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาพันธ์นักฟุตบอลอาชีพ ปี 2005
    รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ
    รองเท้าทองคำ (ดาวซัลโวสูงสุด) ปี 2008
    นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟิฟโปร ปี 2008
    นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ปี 2008
    ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2008 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ


    แหล่งข้อมูลที่มา https://th.wikipedia.org